ประกันชั้น 3 และประกันชั้น 2 ความแตกต่างที่คุ้มครองแบบคุ้มๆ
สิงหาคม 18, 2022 • Metinee Pue • ยังไม่มีหมวด
— views
เศรษฐกิจแบบนี้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เยอะมากมายเหลือเกิน ทั้งค่ากิน ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถ ค่าประกันต่างๆ อีกเพียบ อะไรที่ประหยัดได้ และเซฟเงินได้อีกบ้างน้า… ถ้ามองหาประกันรถยนต์ที่ราคาถูกแต่ยังคงคุ้มครองได้มาก แต่ไม่รู้จะซื้อประกันแบบไหนดี? ชัวร์ครับ จะบอกตัวเลือกดี ๆ ให้คุณเองกับ ประกันรถชั้น 3 และ ประกันรถชั้น 2 ความแตกต่างที่คุ้มครองแบบคุ้มๆ
จุดประสงค์หลักของการซื้อก็คือต้องการความคุ้มครอง และแบกรับความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถชั้น 2 และ ประกันรถชั้น 3 มีข้อแตกต่างดังนี้ ประกันรถชั้น 2 คือคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลในรถ และบุคคลภายนอก ทั้งเรื่องความคุ้มครองชีวิตร่างกาย คือคุ้มครองสิทธิ์พื้นฐานที่ควรจะได้ รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำท่วม และการสูญหาย แต่สิ่งสำคัญ คือถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มีคู่กรณี ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ดูแลให้คู่กรณีเท่านั้น หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ซ่อมรถคู่กรณี แต่ไม่ซ่อมรถเรา
ประกันรถชั้น 3 เป็นประกันรถยนต์ที่มีราคาถูกที่สุดเลย แต่ยังคุ้มครองทั้งเรา คู่กรณี และบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองชีวิต ร่างกาย โดยชดเชยตามวงเงินประกันที่ได้ระบุไว้ ส่วนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน จะเน้นคุ้มครองรถให้กับทางคู่กรณีเท่านั้น โดยไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกันทุกกรณี และประกันชั้น 3 เมื่อเกิดเหตุต้องแจ้งเคลมในสถานที่เกิดเหตุและต่อหน้าคู่กรณีทันที รวมถึงไม่คุ้มครองกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือเกิดการร่องรอยต่าง ๆ เช่น ชนฟุตบาท ต้นไม้ เสา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบเอง
เหตุผลดี ๆ ที่เลือก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
- คนที่ต้องการประกันภัยรถยนต์ในราคาถูก
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 เป็นประกันที่ราคาถูก และยังคุ้มครองได้ดีอยู่ เพียงแต่ว่าไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกัน ถ้าคุณไม่กังวลเรื่องการคุ้มครองรถของตัวเอง แต่เน้นการดูแลคู่กรณีเป็นหลัก จัดได้เลยไม่มีปัญหา
2. คนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์
แน่นอนว่าการที่ไม่ได้ใช้รถไปไหนมาไหน การเกิดอุบัติเหตุนั้นก็น้อยลงไปด้วย ตรงจุดนี้เองจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ขับน้อย อุบัติเหตุก็น้อยตามไปด้วย
3. รถมีอายุการใช้งานนาน
รถที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน 5 ปีขึ้นไป สามารถเลือกประกันที่มีราคาถูกได้ ไม่จำเป็นต้องประกันชั้น 1 เสมอไป
4. คนที่มีประสบการณ์ ช่วยประหยัดตรงส่วนนี้ได้
คนที่ขับรถมานานหลายปี จนคล่องแคล่ว และประวัติที่ดี เป็นเครื่องการันตีได้ในระดับหนึ่งว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้น้อยลง แถมยังเซฟส่วนนี้ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เสมอไป
ถึงไม่เป็น ประกันรถชั้น 1 แต่ก็ยังคงคุ้มครองได้ครบครัน เน้นการดูแลรถของคู่กรณีเป็นหลัก แต่การซื้อประกันต้องคำนึงถึงความต้องการของเราด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 จึงเป็นตัวเลือกให้อีกหลาย ๆ คนได้อย่างดี น่าจะเห็นภาพคร่าว ๆ กันแล้วใช่ไหม แต่ถ้าอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพียงแวะมาที่ ชัวร์ครับ ถ้ามีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้หมด เรามีคำตอบให้คุณเสมอ เพราะชัวร์ครับ ชัวร์เรื่องประกันรถยนต์แน่นอน