ง่วงแล้วขับอันตรายกว่าที่คิด! 5 วิธีแก้ง่วงเวลาขับรถ ได้ผล 100%
อัพเดต เมษายน 18, 2022 • Metinee Pue • ยังไม่มีหมวด
— views
วิธีแก้ง่วงเวลาขับรถ – อุบัติเหตุทางรถยนต์ แค่ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า อัตราการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในประเทศไทยนั้นสูงขึ้นทุกปี ซึ่งติดโผเป็นอันดับที่ 9 ของโลก จากสถิติจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ปี 2561 เลยทีเดียว แถมที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในประเทศไทยมาจากการง่วงแล้วขับ หรือ หลับใน สูงถึง 13,000 รายต่อปี! โดยสาเหตุของอาการง่วงระหว่างขับรถ หรืออาการหลับในเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น
- นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
ส่วนใหญ่แล้วอาการหลับในมักจะเกิดกับผู้ที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนน้อยกว่า 7 – 8 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ทำให้ระหว่างขับรถ อาจจะมีอาการวูบหลับ หรือเหม่อลอยขณะขับรถได้
- การรับประทานยาบางชนิด
เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก และยาตัวอื่นๆ ที่ส่งผลให้ร่างกายง่วงซึม เป็นอันตรายต่อการขับรถ ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาการตอบสนองช้า ทำให้ง่วง วูบ เบรกรถกะทันหัน จนเกิดอุบัติเหตุได้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิด ก็มีฤทธิ์เป็นสารกดประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกง่วง ความสามารถในการบังคับร่างกายไม่ดี การตัดสินใจในการขับรถไปในเส้นทางต่างๆ ช้าลง ประคองสติไม่อยู่ เป็นต้น
- ความเหนื่อยล้าสะสม
อาการนี้พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน บางคนมีภาวะความเครียดสะสม หรือทำงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกิน 12ชั่วโมง/วัน ทำให้เกินลิมิตของร่างกายและขาดสติในการขับรถได้
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
เพื่อนๆ เคยสังเกตกันมั้ยว่า เรามักจะเกิดอาการง่วงและอยากล้มตัวลงนอนเวลาอยู่ในห้องแอร์เป็นนานๆ สาเหตุก็เพราะร่างกายและสมองของเราขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการง่วงซึม เหมือนกับเวลาที่เราขับรถแล้วเปิดแอร์เย็นๆ นั่นเอง
เมื่อได้รู้สาเหตุของการเกิดอาการง่วงตอนขับรถหรืออาการหลับในกันไปบ้างแล้ว เพื่อนๆ ลองเช็คตัวเองดูสิว่ามีอาการเข้าข่ายเบื้องต้นแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ Surekrub เพื่อนคู่ใจเรื่องประกันภัย ขอแชร์ 5 วิธีแก้ง่วงเวลาขับรถ ให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้กัน เพื่อให้เราขับรถไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย 100% และเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนนด้วย
5 วิธีแก้ง่วงขับรถ
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ร่างกายที่ได้รับการนอนหลับพักผ่อนไม่น้อยกว่า 7 – 8 ชั่วโมง/วัน เป็นสิ่งที่ดีและตอบโจทย์ที่สุดสำหรับการขับรถ แต่หลายๆ คนมีเงื่อนไขจำเป็น เช่น มีลูกเล็กที่ต้องกล่อมนอน หรือมีงานค้างที่ยังทำไม่เสร็จ ทำให้ไม่สามารถนอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มได้ แต่เราก็ก็ขอแนะนำว่า อย่างน้อยให้เพื่อนๆ นอนพักผ่อนขั้นต่ำประมาณ 5 – 6 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง เพื่อการตื่นตัวของร่างกาย และสมาธิที่เพียงพอที่จะขับรถได้อย่างมีสตินั่นเอง
2. เปิดกระจกรับลมขณะขับรถ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การที่เราใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ จะทำให้เราง่วงนอนได้ ดังนั้นการขับรถที่เปิดแอร์เย็นๆ อยู่ตลอดเวลาก็เช่นเดียวกัน สาเหตุก็เพราะแอร์นั้นจะมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) ทำให้ร่างกายและสมองของเราได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ เริ่มรู้ตัวว่ามีอาการหาวบ่อยๆ หนังตาเริ่มตึงๆ ให้ลองปิดแอร์แล้วเปิดกระจกลงทันที เพราะการรับเอาออกซิเจนจากภายนอกเข้าไปจะช่วยคลายความง่วงนอนของเราได้
3. จอดพักรถ ยืดเส้นยืดสายบ้าง
เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า การที่เราขับรถทางไกลหรือเผชิญกับรถติดมากๆ นั้น นอกจากร่างกายของเราจะปวดเมื่อยแล้ว สมองของเราก็ทำงานหนักไปกับการโฟกัสเส้นทางด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงควรแวะพักรถทุก 2 ชั่วโมง เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ลงมายืดเส้นยืดสาย หาเครื่องดื่มเย็นๆ สดชื่นดื่ม ก็จะช่วยปลุกเร้าความกระปรี้กระเปร่าของเรากลับมาได้เช่นกัน ทั้งนี้แนะนำให้เพื่อนๆ จอดที่จุดพักรถ หรือตามปั๊มน้ำต่างๆ ที่ดูปลอดภัยจริงๆ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินด้วยนะ
4. แวะจอดนอนพักสักแป๊ป
ถ้าหากแวะพักยืดเส้นยืดสายก็แล้ว ดื่มกาแฟก็แล้ว แต่ยังรู้สึกง่วงอยู่ เราแนะนำให้เพื่อนๆ แวะจอดรถตามปั๊มหรือจุดพักรถที่ปลอดภัย แล้วงีบหลับ หรือที่เรียกว่า Power Nap สัก 15 – 20 นาที แล้วค่อยขับรถต่อ เพราะการงีบแบบนี้จะช่วยทดแทนการนอนหลับของเราได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเลยเชียวล่ะ
5. สลับกันขับรถ
หากการขับรถของคุณ มีเพื่อนร่วมทางท่านอื่นไปด้วย และสามารถขับรถได้ การสลับกันขับรถเวลาง่วง ก็ถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยมากที่สุดเลยและเป็นวิธีที่ดรมากๆ ในการแก้ง่วงขับรถได้ คุณจะได้งีบพักผ่อนช่วยให้สดชื่นหายง่วงได้ด้วย
และนี่ก็คือ 5 วิธีแก้ง่วงเวลาขับรถง่ายๆ ที่เราชอแชร์ให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้กัน นอกจากเรื่องการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้ว การซื้อประกันภัยรถยนต์ติดเอาไว้ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันนะ เพราะจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจไปได้อีกขั้น และหากเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง สามารถปรึกษาและขอข้อมูลเพิ่มเติมกับ SureKrub เพื่อนคู่ใจเรื่องประกันภัยได้เลยครับ