10 รุ่น รถยนต์ไฟฟ้า ขายแล้วในไทย น่าขับน่าใช้มาก
มิถุนายน 23, 2022 • Metinee Pue • ยังไม่มีหมวด
— views
ยุคนี้เทรนด์รักษ์โลกกำลังมาแรง และการใช้พลังงานสะอาดกำลังเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก และหลายธุรกิจต้องปรับตัวให้ทัน วงการรถยนต์ก็เช่นกัน หลาย ๆ ค่าย ต่างปรับกลยุทธ์ และคิดค้นแนวทางใหม่เพื่อพัฒนาและตอบโจทย์คนยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงผู้บริโภคมากขึ้น และในปี 2022 นี้ รถยนต์ไฟฟ้า กำลังเป็นที่น่าสนใจมีมากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ชัวร์ครับ รวมมาให้ 10 รุ่น เพื่อช่วยให้ตัดสินใจในการเลือกรถยนต์ไฟฟ้า ได้ง่ายขึ้น ไปดูกันเลยว่ามีค่ายไหน รุ่นไหน โมเดลไหน ที่น่าสนใจบ้าง
10 รุ่น รถยนต์ไฟฟ้า ขายแล้วในไทย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.Poccothailand.com
1.POCCO
ราคารถเริ่มต้น 429,000 บาท
หากใครกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าดี ๆ สักคัน และตอบโจทย์ POCCO เป็นอีกตัวเลือกและน่าสนใจไม่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เล็กแต่เร้าใจ สนุกทุกมุมมอง พร้อมฟังก์ชันที่ทันสมัยมากมาย และการออกแบบพัฒนาทางด้านระบบอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญราคาเอื้อมถึงได้
หลัก ๆ แล้วจะแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ Pocco MM เป็นรถไฟฟ้ารูปแบบ 3 ประตู กับ Pocco DD ในรูปแบบ 5 ประตู ซึ่งจะมีความแตกต่างในส่วนของขนาด และไลฟ์สไตล์การใช้งาน สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 170 กิโลเมตร จากการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC) ทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชาร์จไฟบ้านแบบ AC ให้เต็ม 0-100% ได้ในเวลา 6-8 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.mgcars.com
2. MG ZS EV
ราคาเริ่มต้น 949,000 บาท
ขยับมาค่ายยอดฮิตมากในไทยอย่าง MG ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม เท่ สปอร์ต และในรุ่น MG ZS EV มาในแนว SUV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มีมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor สามารถเร่งความเร็วจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 337 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ทางด้านภายในห้องโดยสาร ออกแบบอย่างกว้างขวาง พร้อมกับการแต่งโทนสีดำ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ให้ดูเท่ขึ้นไปอีก พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลที่ช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ได้อีกด้วย ชาร์ตพลังงาน Quick charge 30-80% ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หรือ Normal charge ผ่าน MG Home charger 0-100% ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 15 นาที
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.mgcars.com
3. MG EP PLUS
ราคาเริ่มต้น 771,000 บาท
จัดให้อีกสักรุ่นกับ MG EP PLUS รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ถูกต่อยอดมาจาก EP เป็นพลังงานไฟฟ้า 100% ตอบโจทย์ได้รอบด้านทุกความต้องการของรถยนต์ และเหมาะที่จะเป็นคันแรกของคุณ ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะพาคุณไปได้ไกลกว่า ประหยัดกว่า เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุด ๆ
ภายในออกแบบให้ความรู้สึกสบายตา และกว้างขวาง เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ 1,456 ลิตร มีระบบกรองอากาศ PM 2.5 , และความบันเทิงอัดแน่นด้วยหน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ,รองรับ Apple CarPlay / Andriod Auto
ขุมพลัง MG EP PLUS ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม. ในเวลา 8.8 วินาที Top Speed ความเร็วสูงสุด 185 km/h ระดับ แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออน ขนาดความจุ 50.3 kWh สามารถขับได้ไกลมากถึง 380 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เมื่อชาร์จกับไฟบ้านผ่าน MG Home Charger จะใช้เวลาประมาณ 7 ชม. 15 นาที แบบ Quick Charge จาก 0-80% จะใช้เวลา 40 นาที
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.gwm.co.th
4. ORA Good Cat
ราคาเริ่มต้น 828,500 บาท
ส่งเข้าประกวดโดยค่าย Great Wall Motor หลาย ๆ คนคงเห็นกันมาบ้างตามท้องถนน กับ ORA Good Cat ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นในรูปโค้งมน ให้กลิ่นอายความเป็นเรทโทรคลาสสิกนิด ๆ ใครเห็นเป็นต้องมองตามกันทีเดียว
ORA Good Cat วางจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ 400KM TECH, 400KM TECH และ 500KM ULTRA ด้วยตัวของรถ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ใช้น้ำมัน ชาร์จ 1 ครั้งใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (143 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 152 กม./ชม. และเดินทางได้ไกลถึง 500 กิโลเมตรเลย เห็นน้องเหมียวเล็ก ๆ น่ารักแบบนี้ ไม่ธรรมดานะ!!
ภายนอกรูปไฟโค้งมนเหมือนตาแมว มาพร้อมระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟส่องนำทางหลังดับรถยนต์ และ Daytime Running Light และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถใช้งานได้หลากหลาย
นอกจากนั้นทางค่าย Great Wall Motor เห็นถึงกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี และคาดการณ์จะเปิดไลน์ตัวใหม่ ORA Good Cat GT ในสไตล์สปอร์ตให้ดูเท่มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะประกาศเร็ว ๆ นี้ แฟนๆ น้องเหมียวอดใจรออีกสักนิด เพื่อยลโฉมใหม่กันได้ มาดูกันสิว่า ORA Good Cat GT จะเท่แค่ไหน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.nissan.co.th
5.Nissan Leaf
ราคาเริ่มต้น 1,990,000 บาท
มาค่ายญี่ปุ่นกันบ้าง ถือว่าเป็นค่ายแรกที่เข้ามาทำการตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทย Nissan Leaf กับ คอนเซปต์ “Simply Amazing” ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น 0
ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 40 kWh พร้อมมอเตอร์ทรงพลัง ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที รองรับการขับขี่เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตรต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบเร่งด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที
ในเรื่องของความคงทนก็ต้องยกให้เขาเลย เพราะด้วยอายุการใช้งาน ความคงทนและประสิทธิภาพคุณภาพระดับสูงของแบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร และทางนิสสันกล้ารับประกันระบบไฟฟ้าถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ตัวของรถออกแบบมาในแบบที่ดูเท่ และให้ความรู้สึกถึงความสนุกสนาน พร้อมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้า V-Motion ภายในออกแบบอย่างสวยงามและกว้างขวาง เรียกว่าใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าสุด ๆ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับ สามารถสั่งการต่าง ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส และเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทุก ๆ ด้านการใช้งาน เห็นแบบนี้แล้ว ต้องไปลองขับกันสักหน่อย อาจจะถูกใจไม่น้อยเลย สำหรับคนต้องการความคุ้มค่า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.mitsubishi-motors.co.th
6. Mitsubishi Outlander PHEV
ราคาเริ่มต้น 1,640,000 บาท
ถ้าอยากได้รถไฟฟ้าแนว SUV จะมองข้ามค่ายนี้ไปไม่ได้ Mitsubishi ค่ายรถที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน Mitsubishi Outlander PHEV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด สามารถสลับใช้น้ำมันและไฟฟ้าได้ ทำให้คุณสบายใจไปได้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงไปพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการใช้พลังงาน
รุ่นใหม่ยังมีการพัฒนาให้วิ่งได้ไกลสุดถึง 700 กม. แต่ถ้าใช้โหมด EV 100% สามารถวิ่งได้ไกล 55 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รูปแบบการชาร์ตแบบปกติให้กำลังไฟ 100% ประมาณ 4 ชั่วโมง การชาร์จไฟแบบเร็ว ให้กำลังไฟ 80% ในเวลาประมาณ 25 นาทีด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO
ใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้า และสไตล์ที่เป็นครอบครัว รุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน ด้วยการออกแบบภายในที่กว้างขวางปรับแต่งได้ตามที่ใจต้องการ เบาะที่โอบแนบตัวนั่งสบาย พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน ,เชื่อมต่อ Bluetooth Hand Free รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง และฟังก์ชันอีกมากมาย ให้คุณได้ไปลองกัน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.volvocars.com
7. Volvo C40 Recharge Pure Electric
ราคาเริ่มต้น 2,690,000 บาท
มาถึงค่ายขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับ 1 อย่าง Volvo ด้วยภาพลักษณ์ในช่วงหลังมานี้ ทางค่ายได้ปรับให้ดูมีดีไซน์ให้ทันสมัย มีความดุดัน โฉบเฉี่ยวให้มากขึ้น จึงเป็นตัวเลือกให้กับใครหลาย ๆ คนไม่น้อยเลยทีเดียว และตัว Volvo C40 Recharge Pure Electric มีความโดดเด่นอย่างมาก ทั้งเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก เทคโนโลยี และฟังก์ชันที่อัดแน่นจัดเต็มมาให้
Volvo C40 Recharge Pure Electric เป็นรถไฟฟ้า SUV Coupe ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 78 kWh ขุมพลังจากมอเตอร์คู่ 408 แรงม้า แรงบิด 660 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 ได้ในระยะเวลาเพียง 4.7 วินาที ขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุด 420 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดย Charging การชาร์จไฟฟ้า Wall Box กระแสสลับ AC กำลังชาร์จ 11 kW 0-100% ภายใน 7.1 ชั่วโมง , Super Charge กระแสตรง DC Quick Charge 0-80% ภายใน 37 นาที
ในส่วนอ็อปชันก็อัดแน่นทั้งความสวยงาม และระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ไฟหน้า LED Pixel Technology , ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ , ระบบเบรก คู่หน้าดิสก์เบรก / คู่หลังดิสก์เบรก, ฝาท้าย เปิด – ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว, รองรับระบบ Android Automotive OS, ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และระบบเสียงรอบทิศทาง และยังมีลูกเล่นอีกเพียบ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.bmw.co.th
8. BMW i4
ราคาเริ่มต้น 4,459,000 บาท
มาทางฝั่งเยอรมันค่ายรถที่อยู่ในใจหลาย ๆ คน ที่อยากจะเป็นเจ้าของสักคัน กับ BMW i4 มาด้วยกันทั้ง 2 รหัส คือ i4 eDrive40 และ i4 M50 ที่มาพร้อมความสะดวกสบายและคุณภาพสูงสุด ทั้งในด้านการขับขี่แบบสปอร์ตและในการทำระยะทางด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพ
BMW i4 eDrive40 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 83.9 kWh ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 590 กิโลเมตร
BMW i4 M50 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอเตอร์ด้านหน้า 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอเตอร์ด้านหลัง 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร พละกำลังรวมสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 795 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 83.9 kWh ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 510 กิโลเมตร ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าทรงสปอร์ตสมรรถนะแรง มีอัตราเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4 วินาที ใช้เวลาชาร์จแบบปกติ 2 ชั่วโมง 24 นาที และชาร์จเร่งด่วน ใช้เวลา 20 นาที
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.mini.co.th
9. Mini Cooper SE
ราคาเริ่มต้น 2,290,000 บาท
MINI Cooper SE รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานจากรุ่น 3 ประตู มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยสีเหลือง Energetic Yellow ทำให้ดูมีกิมมิกและเอกลักษณ์ที่มองแล้วสวยสะดุดตา ห้องโดยสารออกแบบพื้นที่วางแบตเตอรี่ได้อย่างลงตัว และพื้นที่เก็บสัมภาระมากสูงสุดถึง 731 ลิตร ถึงจะชื่อมินิ แต่พื้นที่ไม่มินิเลยนะ
MINI COOPER SE ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ ให้สัมผัสการขับขี่ที่สนุก และประสบการณ์การที่ประทับใจทุกเส้นทาง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วได้ถึง 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.3 วินาที การชาร์ต MINI ELECTRIC Wallbox ขนาด 11 kW ให้กำลังไฟ 80% ภายในเวลา 2.5 ชม. และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 3.5 ชม. และถ้าชาร์จแบบ DC ขนาด 50 kW ชาร์จได้ถึง 80% ภายใน 36 นาที
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก takanoauto.co.th
10.Takano
ราคาเริ่มต้น 369,000 บาท
เปลี่ยนแนวมาเป็นสายบุก บรรทุกของอเนกประสงค์กันหน่อย กับแบรนด์ TAKANO สัญชาติญี่ปุ่น รุกเปิดตลาดรถไฟฟ้าที่ไทย ในนาม TAKANO AUTO THAILAND และ TAKANO BANGKOK เป็นรถกระบะไฟฟ้าเจ้าแรกที่ผลิตในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานแบบญี่ปุ่น และจำหน่ายรุ่นกระบะไฟฟ้าไซส์มินิ น่ารัก อย่าง “Takano TTE500”
Takano TTE500 ด้วยรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีเอกลักษณ์ ผสมผสาน และพัฒนาให้ตอบโจทย์ทั้งด้านอเนกประสงค์ สมรรถนะ คุณภาพที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่ว่าจะขับใช้งาน หรือไปเที่ยวเดินทางระยะสั้น ก็เหมาะสมไปหมด จึงทำให้เป็นจุดเด่นของค่ายนี้เลย ระยะเวลาในการชาร์จไฟเต็มผ่านไฟฟ้ากระแสสลับ 6 – 7 ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า DC กำลังสูงสุด 5.5 กิโลวัตต์ /72 โวลต์ ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. และแบตเตอรี่ 72-80 โวลต์ ความจุ 11 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในการชาร์ตเต็มต่อครั้ง สามารถวิ่งได้ระยะทาง 100 – 120 กม. เลยทีเดียว และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ที่ 8-10 ปี
ได้รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกใจ ตอบโจทย์ไลฟสไตล์กันบ้างไหม สนใจยี่ห้อไหน ชัวร์ครับ แนะนำให้ไปทอลองขับก่อน สัมผัสจริง ใช้งานจริง บนท้องถนนช่วยให้การตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซื้อรถใหม่แล้วก็อย่าลืม ซื้อประกันรถยนต์ คุ้มครองรถยนต์และตัวคุณเองไว้ด้วย ลดความเสี่ยง ช่วยให้คุณมั่นใจทุกการขับขี่บนท้องถนนได้มากขึ้น
เช็คเบี้ย ประกันรถยนต์ กับ ชัวร์ครับ >> เช็คเลย
https://surekrub.com/motor-insurance